Igniting Passion for Performance and Leadership: A Journey Through Excellence & Purpose Forum

พลังแห่ง Passion: ขับเคลื่อน Performance และ Leadership สู่อนาคตที่ยั่งยืน

Passion หรือความมุ่งมั่นอันแรงกล้า ไม่ใช่เพียงความชอบหรือความหลงใหล แต่คือพลังขับเคลื่อนที่ช่วยให้คน ทีมงาน และองค์กรสามารถก้าวข้ามอุปสรรค บรรลุเป้าหมาย และสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืนได้ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว Passion กลายเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่น ความคิดสร้างสรรค์ และการเติบโต ช่วยให้คนและองค์กรสามารถก้าวข้ามอุปสรรคและบรรลุเป้าหมายได้อย่างยั่งยืน

Excellence & Purpose Forum ครั้งนี้ #PMAT รวบรวมผู้นำที่เปี่ยมด้วย Passion จากหลากหลายวงการ ทั้งธุรกิจ กีฬา และศิลปะ มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์และแนวคิดเกี่ยวกับการผสมผสาน Passion, Performance และ Leadership โดยมีวิทยากรที่ทรงคุณค่า ได้แก่

  • คุณปิติ ภิรมย์ภักดี (ต๊อด): รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด
  • คุณพาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ (เทนนิส): นักกีฬาเทควันโดหญิงทีมชาติไทย เหรียญทองโอลิมปิกสองสมัย
  • คุณชัชชัย เช (โค้ชเช): หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมเทควันโดทีมชาติไทย
  • คุณปัณฑพล ประสารราชกิจ (โอม Cocktail): ผู้บริหาร GENE LAB
  • ดร.สุรพิชย์ พรหมสิทธิ์: อาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และกรรมการบริหารสมาคม PMAT

บทเรียนจากเวทีครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแรงบันดาลใจ แต่เป็นแผนที่นำทางสำหรับ HR และผู้นำองค์กรทุกคนในการสร้าง Passion ที่มีทิศทางและเปลี่ยนพลังนั้นให้เป็น Performance ที่จับต้องได้

Key Highlights

  • Passion เป็นแรงผลักดันสำคัญสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน Passion ไม่ใช่เพียงความหลงใหล แต่เป็นพลังที่ช่วยให้คนและองค์กรสามารถก้าวข้ามอุปสรรค สร้างความยืดหยุ่น และขับเคลื่อนการเติบโตในระยะยาว ทว่า Passion ที่ไร้ทิศทางอาจทำให้เกิดความเหนื่อยล้าได้ หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากเป้าหมายและแผนการที่ชัดเจน
  • Passion ต้องเชื่อมโยงกับเป้าหมายและการวัดผล  การตั้งเป้าหมายที่แน่วแน่ การกำหนด Milestones และตัวชี้วัด (KPI) ช่วยแปลง Passion ให้เป็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้ การมีเป้าหมายที่ชัดเจนช่วยสร้างความมั่นใจและทิศทางในทุกการดำเนินงาน
  • การทำงานเป็นทีมคือหัวใจของความสำเร็จ  ไม่มีความสำเร็จใดเกิดจากบุคคลเพียงคนเดียว การสร้างความร่วมมือที่มีประสิทธิภาพ และการสนับสนุนซึ่งกันและกันในทีม เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Passion ของแต่ละคนถูกนำไปใช้ในทิศทางที่เหมาะสม
  • บทบาทของ HR ในการเปลี่ยน Passion ให้เป็น Performance HR ต้องเป็นผู้สร้างเวทีให้พนักงานแสดงศักยภาพ สนับสนุนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในทุกมิติ และออกแบบระบบที่ช่วยให้ Passion ของพนักงานเชื่อมโยงกับเป้าหมายขององค์กร เพื่อให้เกิดความสำเร็จทั้งในระดับบุคคลและองค์กรอย่างยั่งยืน

Passion ในโลกธุรกิจ: มุมมองของคุณปิติ ภิรมย์ภักดี

คุณปิติ ภิรมย์ภักดี ผู้บริหารที่มีพื้นฐานทั้งจากวงการกีฬาและธุรกิจ ได้สะท้อนแนวคิดว่าการมี Passion เพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ แต่ต้องมีการตั้งเป้าหมาย (Goals) และวางแผนที่ชัดเจนร่วมด้วย

เขาเล่าว่า:


“เวลาองค์กรประสบความสำเร็จ HR มักได้รับการยอมรับทีหลัง

แต่ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้น HR จะเป็นคนแรกที่ถูกตำหนิ”

คำกล่าวนี้สะท้อนถึงบทบาทที่ซับซ้อนของ HR ในการเป็นผู้ขับเคลื่อนเบื้องหลังความสำเร็จขององค์กร แต่ในความเป็นจริง HR ไม่ควรเป็นเพียงผู้สนับสนุน แต่ควรเป็นผู้ผลักดันหลักที่นำองค์กรไปสู่เป้าหมาย

คุณปิติเน้นย้ำว่า Performance ที่ดีต้องมาพร้อมกับการกำหนด Milestones และ KPI ที่ชัดเจน เพื่อช่วยให้ทีมสามารถติดตามความคืบหน้าและปรับตัวได้อย่างเหมาะสม

“แม้ Passion จะช่วยขับเคลื่อน

แต่ถ้าไม่มี Milestones หรือแผนสำรอง

การเดินทางอาจไม่ถึงเป้าหมาย”

คุณปิติย้ำว่า ผู้นำต้องมีความยืดหยุ่น ในการปรับกลยุทธ์ พร้อมเผชิญหน้ากับปัญหา และมองหาวิธีแก้ไขเมื่อสิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง

บทเรียนจากกีฬาสู่โลกธุรกิจ

          ในโลกของกีฬา หลายคนอาจมองว่า “วันแข่งขัน” คือจุดสำคัญที่สุด แต่ในความเป็นจริง ความสำเร็จเริ่มต้นตั้งแต่วันแรกของการฝึกซ้อม การวางแผนอย่างรอบคอบและการทำงานร่วมกันของทุกฝ่ายในทีม ทั้งนักกีฬา โค้ช และทีมสนับสนุนเบื้องหลัง มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการผลักดันให้ทีมก้าวไปสู่ความสำเร็จ

สิ่งสำคัญคือการเปลี่ยน “ความจำเจ” ให้กลายเป็น “ระเบียบวินัย” การฝึกซ้อมซ้ำ ๆ อาจดูน่าเบื่อ แต่หากเรามองลึกลงไป นั่นคือโอกาสในการพัฒนาตนเอง ซึ่งจะมีคุณค่าอย่างแท้จริงเมื่อเราเข้าใจว่าเป้าหมาย (Purpose) ของสิ่งที่ทำคืออะไร

ในโลกธุรกิจ การตั้งเป้าหมายไม่ได้หมายถึงเพียงการมองหาความสำเร็จระยะสั้น แต่คือการวางแผนเพื่อสร้างความสามารถที่ยั่งยืน เช่นเดียวกับที่นักกีฬาต้องมี KPI (Key Performance Indicators) เพื่อวัดผลความก้าวหน้า องค์กรก็ต้องมีตัวชี้วัดที่ชัดเจนเพื่อประเมินว่าแผนงานนั้นช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพและความสำเร็จได้จริงหรือไม่

คุณปิติได้เปรียบเทียบการจัดการในองค์กรกับการฝึกซ้อมของทีมกีฬา โดยเน้นย้ำว่า การขาดเป้าหมายที่ชัดเจนอาจทำให้การทำงานกลายเป็น “การลงทุน” ที่ไร้ผลตอบแทน แต่หากองค์กรมีแผนการที่ชัดเจนและการกำหนดเป้าหมายอย่างเหมาะสม งานทุกอย่างจะเปลี่ยนเป็นการสร้าง “ความเชื่อมั่น” และ “การพัฒนาอย่างมีคุณค่า”

บทบาทของ HR ในการสร้างความสำเร็จ

คุณปิติกล่าวถึงบทบาทของ HR ในลักษณะเดียวกับบทบาทของโค้ชในทีมกีฬา HR คือโค้ชที่ต้องมองเห็นศักยภาพในตัวคน สนับสนุนการเติบโตของทีม และสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาตนเอง

  • การกำหนด Milestones และเป้าหมายที่ชัดเจน: HR ต้องช่วยวางแผนและติดตามผลอย่างต่อเนื่อง
  • การพัฒนา Mindset: HR มีหน้าที่สนับสนุนพนักงานให้มองเห็นเป้าหมายระยะยาว และปรับ Mindset ให้เหมาะสมกับบทบาทในองค์กร
  • การแก้ไขปัญหาและการตัดสินใจ: เมื่อเกิดปัญหา HR ต้องมีความกล้าในการสร้างการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นการปรับโครงสร้าง การพัฒนาคน หรือสร้างนวัตกรรมใหม่

คุณปิติย้ำว่า “HR ต้องกล้าสร้างการเปลี่ยนแปลงเพื่อช่วยองค์กรบรรลุเป้าหมาย” แม้บทบาทนี้จะมาพร้อมกับความเสี่ยงและความท้าทาย แต่มันคือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้องค์กรสามารถเดินหน้าไปสู่ความสำเร็จได้อย่างมั่นคง

การนำแบบโค้ช: แรงบันดาลใจจากกีฬา

หนึ่งในบทเรียนสำคัญจากกีฬาคือ โค้ชไม่ได้มีหน้าที่แค่บริหารจัดการ แต่ต้องมีบทบาทเป็นผู้นำทางจิตใจ โค้ชต้องคอยย้ำเตือนนักกีฬาให้มุ่งมั่นกับเป้าหมาย และสร้างความมั่นใจว่าสิ่งที่พวกเขาทำในทุกวันนั้นมีคุณค่า

ในโลกธุรกิจ ผู้นำองค์กรและ HR ควรนำบทบาทนี้มาปรับใช้ เช่น การสนับสนุนให้พนักงานมี “เวที” หรือโอกาสในการแสดงศักยภาพที่ดีที่สุด ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาอย่างไร การพัฒนาที่ต่อเนื่องคือรากฐานสำคัญที่ช่วยสร้างความสำเร็จในระยะยาว

คุณปิติกล่าวถึงความสำคัญของการมีแผนสำรอง:


“ในการแข่งขัน คุณอาจเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด

แต่ถ้าคุณมีเป้าหมายและแผนการที่ชัดเจน คุณจะมีวิธีรับมือกับปัญหาเหล่านั้นได้”

Passion กับการสร้างความยั่งยืนในองค์กร

ในฐานะผู้บริหารที่มีความเข้าใจทั้งโลกของกีฬาและธุรกิจ คุณปิติได้ชี้ให้เห็นว่า Passion เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความสำเร็จ แต่เป้าหมายที่ชัดเจนและแผนการที่รอบคอบคือเครื่องมือที่นำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน

          HR ต้องมีบทบาทที่ชัดเจนในการช่วยให้พนักงานมองเห็นเป้าหมายระยะยาว พร้อมสนับสนุนให้พวกเขาเปลี่ยน Passion ให้กลายเป็น Performance ผ่านการกำหนด Milestones และการประเมินผลที่เหมาะสม ดังที่คุณปิติกล่าวไว้:

“Performance ไม่ใช่แค่เรื่องของการทำงานให้เสร็จ

แต่คือการเดินไปพร้อมกับเป้าหมายที่ชัดเจน และการพัฒนาที่ต่อเนื่อง

เพื่อให้องค์กรสามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยืน”

Passion ในการสร้างความสำเร็จ: น้องเทนนิสและโค้ชเช

คุณพาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ (น้องเทนนิส) นักกีฬาเทควันโดหญิงทีมชาติไทย ผู้คว้าเหรียญทองโอลิมปิกสองสมัย เธอเล่าว่าความสำเร็จไม่ได้เกิดจากความบังเอิญ แต่เกิดจาก Passion ที่เธอสร้างขึ้นด้วยความพยายาม ฝึกฝน และการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน เธอกล่าวว่า:

“เป้าหมายของหนูไม่ใช่แค่การเข้าร่วม แต่คือการคว้าเหรียญทอง”

สำหรับเธอ Passion ไม่ใช่เพียงความหลงใหลหรือแรงบันดาลใจที่เกิดขึ้นมาเอง แต่เป็นสิ่งที่ต้องพัฒนาผ่านการเผชิญหน้าและเอาชนะข้อจำกัดของตัวเอง เธอเล่าว่าตั้งแต่เด็ก เธอไม่ชอบการวิ่งเลย แต่การที่คุณพ่อให้คำแนะนำง่าย ๆ ว่า “ต้องซ้อมให้เยอะขึ้น” ทำให้เธอเริ่มต้นเปลี่ยนทัศนคติ

การเปลี่ยนสิ่งที่ “ไม่ชอบ” ให้กลายเป็น “ความท้าทาย” เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับน้องเทนนิส เธอเลือกที่จะวิ่ง แม้จะรู้สึกเหนื่อยและไม่ชอบ เพื่อพัฒนาตัวเอง เธอไม่ได้คิดเพียงแค่การเข้าร่วมการแข่งขัน หรือแม้แต่การคว้าเหรียญรางวัลทั่วไป เป้าหมายของเธอชัดเจนเสมอ: “การคว้าเหรียญทอง”

เธอเน้นว่า การฝึกซ้อมอย่างมีวินัยและการตั้งเป้าหมายที่แน่วแน่ เป็นสิ่งที่ทำให้ Passion ของเธอเติบโตมั่นคง เธอกล่าวถึงการฝึกซ้อมทุกวันว่าเป็นกระบวนการที่ช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้ทั้งร่างกายและจิตใจ และทุกความเหนื่อยล้าหรืออุปสรรคที่เผชิญนั้น ล้วนเป็นส่วนหนึ่งที่นำไปสู่ความสำเร็จ

“ถ้าใครมีเป้าหมายใหญ่ในชีวิต สิ่งสำคัญคือการเปลี่ยนความท้อแท้ให้เป็นพลัง เปลี่ยนสิ่งที่ไม่ชอบให้กลายเป็นความท้าทาย แล้ววิ่งต่อไป ไม่ใช่แค่เพื่อเข้าร่วม แต่เพื่อคว้าความสำเร็จ”

ความร่วมมือและการเป็นทีม: บทบาทของโค้ชเช

ในอีกมุมหนึ่ง คุณชัชชัย เช (โค้ชเช) หัวหน้าผู้ฝึกสอนนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย ชี้ให้เห็นว่า ความสำเร็จไม่ได้เกิดจากบุคคลเพียงคนเดียว แต่เกิดจากความร่วมมือและการทำงานเป็นทีม เขากล่าวว่า:
“ความมุ่งมั่นและความร่วมมือ คือกุญแจที่ผลักดันเทควันโดไทยสู่เวทีโลก”

โค้ชเชเล่าว่าเขารู้จักน้องเทนนิสตั้งแต่ยังเป็นนักกีฬารุ่นเยาวชน ตอนนั้นเธอเป็นเด็กผอมเล็ก ดูไม่มีพละกำลังมากนัก แต่สิ่งที่โดดเด่นในตัวเธอคือ ความมุ่งมั่นและความอดทน ที่แตกต่างจากคนอื่น

ย้อนกลับไปเมื่อ 22 ปีก่อน กีฬาเทควันโดในประเทศไทยยังไม่มีความนิยมมากนัก ทั้งไม่มีสปอนเซอร์ ไม่มีทีมงานที่พร้อม และไม่มีทรัพยากรในการพัฒนานักกีฬา แต่ด้วยความพยายามของสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย โค้ช และนักกีฬา ที่ไม่เคยหยุดสู้หรือท้อแท้ ทำให้กีฬาเทควันโดไทยก้าวขึ้นมาอยู่ในระดับโลก

โค้ชเชย้ำว่า การสร้างความสำเร็จต้องเริ่มต้นจากการวางรากฐานที่มั่นคงในทีม การเข้าใจบทบาทของแต่ละคนในทีม ตั้งแต่ตัวนักกีฬา ทีมโค้ช ทีมงานสนับสนุน และสมาคมกีฬา ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่เป้าหมายร่วมกัน

บทเรียนจากกีฬาสู่การทำงานและองค์กร

ความสำเร็จของน้องเทนนิสและทีมเทควันโดไทยไม่ใช่เพียงบทเรียนสำหรับนักกีฬาเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวอย่างที่องค์กรและ HR สามารถนำไปปรับใช้ได้

  1. เป้าหมายที่ชัดเจน: การตั้งเป้าหมายที่แน่วแน่และชัดเจน เช่นเดียวกับการคว้าเหรียญทองของน้องเทนนิส ช่วยให้ทีมและพนักงานมีทิศทางร่วมกัน
  2. การทำงานเป็นทีม: เช่นเดียวกับบทบาทของทีมงานเทควันโดไทย HR และผู้นำองค์กรต้องเข้าใจว่าความสำเร็จไม่ได้เกิดจากบุคคลเดียว แต่คือผลลัพธ์จากความร่วมมือที่มีประสิทธิภาพ
  3. การเปลี่ยนอุปสรรคให้เป็นโอกาส: เหมือนที่น้องเทนนิสเปลี่ยนความไม่ชอบให้กลายเป็นความท้าทาย HR ควรช่วยพนักงานพัฒนาทัศนคติที่เหมาะสมในการเผชิญหน้ากับอุปสรรค
  4. การพัฒนาทรัพยากรที่ยั่งยืน: โค้ชเชย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาระยะยาว เช่นเดียวกับการสร้างทีมเทควันโดไทยที่เริ่มต้นจากศูนย์ แต่สามารถพัฒนาให้เป็นที่รู้จักในระดับโลก

ความสำเร็จที่ยั่งยืน: Passion และความพยายาม

ทั้งน้องเทนนิสและโค้ชเชแสดงให้เห็นว่า Passion และความพยายามเป็นสิ่งที่ต้องเดินคู่กัน การตั้งเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่และการทำงานเป็นทีมที่แข็งแกร่ง คือกุญแจสู่ความสำเร็จ

ในโลกธุรกิจ HR และผู้นำองค์กรสามารถเรียนรู้จากบทเรียนนี้โดยช่วยสนับสนุนให้พนักงานค้นหา Passion ของตัวเอง และสร้างเป้าหมายร่วมกันที่ชัดเจน พร้อมสนับสนุนการทำงานเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพ ดังที่โค้ชเชกล่าวไว้:


“การทำงานเป็นทีมไม่ใช่แค่การเข้าใจบทบาทของแต่ละคน

แต่คือการร่วมมือกันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกัน”

Passion ในการบริหารศิลปิน: มุมมองจากคุณปัณฑพล ประสารราชกิจ (โอม Cocktail)

ในโลกของวงการบันเทิงที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว คุณปัณฑพล ประสารราชกิจ (โอม Cocktail) ผู้บริหาร GENE LAB ได้นำเสนอแนวทางการบริหารศิลปินที่ผสมผสาน Passion และ เป้าหมาย เพื่อสร้างความสำเร็จอย่างยั่งยืนในอุตสาหกรรมที่มีความซับซ้อนสูง

เขากล่าวว่า:


“วิธีที่ผมใช้ คือเอาเป้าหมายมาก่อน แล้วค่อยดูว่า

ขณะนี้เรา ‘ขาด’ อะไรบ้าง เพื่อไปให้ถึงจุดนั้น”

จากนักร้องสู่ผู้บริหาร: บทบาทที่หลากหลาย

คุณโอมเล่าถึงประสบการณ์การทำงานแบบ Hybrid ของเขาที่เกี่ยวข้องกับหลายบทบาท ตั้งแต่นักร้องในวง Cocktail เจ้าของบริษัทที่บริหารศิลปิน หุ้นส่วนสำนักงานกฎหมายที่ดูแลเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา ไปจนถึงการเป็นอาจารย์พิเศษสอนด้านประวัติศาสตร์และปรัชญา ประสบการณ์ทั้งหมดนี้ทำให้เขามองว่า การบริหารศิลปินในวงดนตรี ก็เหมือนกับการบริหารองค์กรหนึ่ง

“วงดนตรีไม่ต่างจากองค์กรที่มีคนที่มีทักษะเฉพาะทางหลากหลาย

การดูแลคนเหล่านี้ไม่ใช่เพียงแค่การสั่งงาน

แต่ต้องเข้าใจอารมณ์ ความรู้สึก และ Passion ของพวกเขา”

Passion กับความไม่แน่นอนในวงการบันเทิง

คุณโอมย้ำว่าในวงการบันเทิง ความสำเร็จไม่ได้วัดจากการเล่นดนตรีเก่งที่สุดหรือร้องเพลงเพราะที่สุด แต่ขึ้นอยู่กับ ความนิยม และ ความเชื่อ ที่ผู้ฟังมีต่อศิลปิน เขาเปรียบเทียบว่า:
“ถ้าในวงการกีฬา การแข่งขันมีผลแพ้ชนะที่ชัดเจน แต่ในวงการเพลง ความสำเร็จขึ้นอยู่กับความรู้สึกของคนฟัง ซึ่งเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้”

สิ่งนี้ทำให้เขาต้องออกแบบกลยุทธ์การบริหารศิลปินที่ไม่ได้ยึดติดกับ “ความสมบูรณ์แบบ” แต่เน้นการเชื่อมโยงศิลปินกับผู้ฟังผ่าน ตัวตนที่แท้จริง และ ความคิดสร้างสรรค์ ที่สามารถเข้าถึงจิตใจของผู้คน

การเปลี่ยนแปลงบทบาท: จากนายห้างสู่พันธมิตร

คุณโอมชี้ว่าในอดีต ค่ายเพลงมักทำหน้าที่เหมือน “นายห้าง” ที่ควบคุมศิลปินอย่างเบ็ดเสร็จ แต่ในยุคปัจจุบัน ความสัมพันธ์นี้ต้องเปลี่ยนเป็น พันธมิตร (Partner) ซึ่งค่ายเพลงทำงานร่วมกับศิลปินในฐานะผู้สนับสนุน

“ศิลปินยุคนี้เดินเข้ามาหาค่ายเพลงพร้อมไอเดียที่ชัดเจน เช่น อยากทำสิ่งนี้ 1, 2, 3 แต่ขาดทักษะในบางเรื่อง เช่น การตลาด หรือการจัดการภาพลักษณ์ ค่ายเพลงต้องเข้ามาเติมเต็มในสิ่งที่เขาขาด เพื่อช่วยให้พวกเขาบรรลุเป้าหมาย”

Passion กับความมั่นคงในอาชีพ: ตัวอย่างจากกองทุนวง Cocktail

คุณโอมเล่าถึงการตั้ง กองทุนรวม สำหรับสมาชิกในวง Cocktail เพื่อสร้างความมั่นคงในอาชีพ แม้ในวันที่อาชีพศิลปินของพวกเขาอาจถึงจุดสิ้นสุด เขาเล่าว่า:
“เราเริ่มคุยกันในทีมเมื่อ 7 ปีก่อน เพื่อออกแบบกองทุนที่ทุกคนสามารถใช้ประโยชน์ได้ในอนาคต ไม่ใช่แค่การแบ่งรายได้จากงาน แต่เป็นการสร้างสินทรัพย์ที่งอกเงยและยั่งยืน”

แนวคิดนี้ไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงสำหรับศิลปินในวง แต่ยังแสดงให้เห็นว่าการบริหารงานที่ใส่ใจและคำนึงถึง Passion ของสมาชิกในทีม สามารถเชื่อมโยงกับ Performance และ ความมั่นคงในระยะยาว

HR และบทเรียนจากการบริหารศิลปิน

สำหรับ HR คุณโอมย้ำถึงความสำคัญของการปรับเปลี่ยนวิธีคิดและการทำงานเพื่อเข้าใจ เนื้องานและคน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ผลิตภัณฑ์หลักคือ “มนุษย์” ซึ่งมีความรู้สึกและอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

“การคัดเลือกคนที่ไม่เข้าใจเนื้องานจะทำให้เกิดปัญหา HR ต้องเข้าใจทั้งตัวผลิตภัณฑ์และผู้คนในองค์กรอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมบันเทิงที่ผลิตภัณฑ์ไม่ใช่สินค้าคงที่ แต่เป็นความรู้สึกของผู้คน”

Passion ที่เชื่อมโยงกับเป้าหมาย

คุณโอมสรุปว่า การตั้งเป้าหมายก่อนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะจะช่วยให้เรารู้ว่าเราขาดอะไร และต้องพัฒนาอะไรเพื่อไปถึงเป้าหมายนั้น เขากล่าวว่า “การรู้ว่าเราขาดอะไร เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรารู้ว่าเรามีอะไร และสิ่งนี้จะช่วยให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้”

บทเรียนจากโลกบันเทิงสู่ทุกอุตสาหกรรม

บทเรียนจากการบริหารศิลปินของคุณโอม สามารถนำไปปรับใช้ได้ในทุกอุตสาหกรรม:

  1. ตั้งเป้าหมายก่อน: เป้าหมายที่ชัดเจนช่วยให้ทีมรู้ทิศทางและสามารถระบุสิ่งที่ขาดได้
  2. สนับสนุนจุดแข็ง: การเข้าใจว่าคนแต่ละคนมีจุดเด่นและจุดที่ต้องพัฒนาทำให้สามารถช่วยให้พวกเขาเติบโตได้
  3. เปลี่ยนบทบาทของผู้นำ: จากการควบคุมสู่การสนับสนุน เช่นเดียวกับการเปลี่ยนบทบาทของค่ายเพลงที่ทำงานร่วมกับศิลปินในฐานะ Partner
  4. สร้างความมั่นคง: การสร้างระบบที่ช่วยให้ทีมมั่นใจในอนาคต เช่น กองทุนหรือโครงสร้างการทำงานที่ยั่งยืน

ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว Passion และการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนความสำเร็จในทุกอุตสาหกรรม เช่นเดียวกับที่คุณโอมได้พิสูจน์ในวงการเพลง

บทสรุป: Passion จุดเริ่มต้นของความสำเร็จและการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน

ในโลกที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันอย่างเข้มข้น Passion ได้กลายเป็นพลังสำคัญที่ช่วยให้คน ทีมงาน และองค์กร สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดและบรรลุเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ได้ ทว่า Passion เพียงอย่างเดียวไม่สามารถนำพาความสำเร็จที่ยั่งยืนมาได้ หากขาดการสนับสนุนที่เหมาะสม การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน และการร่วมมือกันอย่างมีประสิทธิภาพ

Excellence & Purpose Forum ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า Passion ไม่ได้เป็นเพียงแรงผลักดันส่วนบุคคล แต่ยังสามารถเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงาน การพัฒนาคน และการสร้างองค์กรได้อย่างลึกซึ้ง บทเรียนจากทั้งโลกธุรกิจ กีฬา และวงการบันเทิง ล้วนเป็นแรงบันดาลใจที่นำมาปรับใช้ในโลกของ HR และการบริหารองค์กร

สิ่งที่ HR ได้เรียนรู้จากเวทีนี้

  1. Passion ต้องมาพร้อมทิศทาง: การมี Passion ที่ไร้เป้าหมายอาจนำไปสู่ Burnout ได้ง่าย แต่เมื่อ Passion ถูกกำหนดทิศทางด้วยเป้าหมายและแผนการที่ชัดเจน มันจะกลายเป็นพลังสร้างสรรค์ที่นำไปสู่ประสิทธิภาพและความเติบโต
  2. การทำงานเป็นทีมคือกุญแจสำคัญ: ไม่ว่าจะเป็นทีมกีฬา ธุรกิจ หรือศิลปะ ความสำเร็จที่ยั่งยืนเกิดจากการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ HR ต้องเป็นผู้เชื่อมโยงและสนับสนุนความร่วมมือในองค์กร
  3. บทบาทของ HR ในการสนับสนุน: HR ไม่ได้เป็นเพียงหน่วยสนับสนุน แต่ต้องเป็น “โค้ช” ที่ช่วยพนักงานค้นหา Passion ของตนเอง และเปลี่ยน Passion นั้นให้กลายเป็น Performance ที่จับต้องได้
  4. การสร้างระบบที่ยั่งยืน: เช่นเดียวกับกองทุนในวง Cocktail หรือโครงสร้างในทีมเทควันโด HR ต้องสร้างกลไกที่ช่วยให้พนักงานมีความมั่นคงและเชื่อมั่นในความก้าวหน้าของตัวเอง

PMAT พร้อมเป็นพลังขับเคลื่อน Passion

PMAT ยืนหยัดในฐานะพันธมิตรของนักทรัพยากรมนุษย์ทั่วประเทศไทย ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุน Passion ในทุกมิติ ผ่านการสร้างพื้นที่แห่งการเรียนรู้ การแบ่งปันแนวคิด และการเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างคนและองค์กร

เราตระหนักว่าการพัฒนาคนอย่างยั่งยืนคือรากฐานสำคัญของความสำเร็จในอนาคต และ PMAT พร้อมเดินเคียงข้างนักทรัพยากรมนุษย์ทุกคนในการเปลี่ยน Passion ให้กลายเป็นพลังขับเคลื่อนสู่ Performance และ Leadership ที่โดดเด่น

PMAT พร้อมสนับสนุนทุกก้าวของการเดินทางในโลกของ HR เพื่อสร้างความสำเร็จและความยั่งยืนที่แท้จริงในยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

Scroll to Top